การทำสเต็กให้อร่อยนั้นไม่ใช่แค่การเลือกเนื้อดีๆ หรือวิธีการย่างที่ถูกต้องเท่านั้น การใช้ เทอร์โมมิเตอร์สำหรับเนื้อ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สเต็กของคุณทั้งชุ่มฉ่ำและนุ่มได้ตามต้องการ

ทำไมคุณควรใช้เทอร์โมมิเตอร์สำหรับเนื้อทุกครั้ง และทำไมการใช้เทอร์โมมิเตอร์ถึงสำคัญ?
เมื่อคุณทำสเต็ก, คุณอาจจะคุ้นเคยกับการประมาณความสุกจากการสัมผัสหรือ กะดูเวลาในการทำ แต่การทำแบบนั้นอาจทำให้คุณพลาดเป้าหมายที่จะได้ความสุกระดับที่ต้องการ และเนื้อเสียรสชาติได้ง่ายๆ (จากการ overcooked หรือการทำให้สุกเกินไป) เพราะการทำสเต็กโดยไม่ใช้เทอร์โมมิเตอร์นั้น มีความเสี่ยงที่จะทำให้เนื้อ สุกเกินไป หรือ ไม่สุกอย่างที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้สูญเสียความชุ่มฉ่ำและเนื้อสัมผัสที่นุ่มอร่อยไป

ความลับในการทำสเต็ก - เทอร์โมมิเตอร์ ช่วยให้คุณรู้ได้อย่างแม่นยำว่าเนื้อของคุณถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้วหรือยัง (ตัวอย่าง: 130°F สำหรับสเต็กแบบมีเดียมเรียร์) ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถปรับอุณหภูมิได้ตรงตามที่ต้องการ ไม่เกินไปและไม่ขาด และที่สำคัญยังช่วย รักษาน้ำหนักและรสชาติ ของเนื้อเอาไว้ได้มากขึ้นอีกด้วย

การพักเนื้อหลังจากทำเสร็จ (Resting)
อีกหนึ่งเคล็ดลับที่มักถูกมองข้ามคือการพักเนื้อหลังจากทำสเต็กเสร็จ การพักเนื้อหลังจากที่คุณเอามาจากเตาร้อนๆ จะช่วยให้ น้ำในเนื้อกระจายตัว และทำให้เนื้อสเต็ก ยังคงชุ่มฉ่ำ อยู่ แม้ว่าจะได้อุณหภูมิที่ตรงตามต้องการแล้วก็ตาม
ข้อดีที่เห็นได้ชัดจากการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิเนื้อ:
ควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ – ทำให้ได้สเต็กที่ตรงตามที่คุณต้องการ ไม่สุกเกินหรือสุกไม่พอ
ลดความเสี่ยงจากการทำสเต็กเสีย – ไม่ต้องเดาอีกต่อไป
รสชาติอร่อยและเนื้อสัมผัสดี – รักษาความชุ่มฉ่ำและความนุ่มของเนื้อ
ลองใช้เทอร์โมมิเตอร์ในการทำสเต็กดูไหม? แล้วจะติดใจ
Comments